เหลาฐานจมูก คืออะไร? เหมาะกับใคร พูจองมีคำตอบ

เหลาฐานจมูก คืออะไร? เหมาะกับใคร พูจองมีคำตอบ

การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนสำหรับคนที่มีฐานจมูกใหญ่ แม้ว่าจะทำให้สันจมูกดูโด่งขึ้น แต่ทรงที่ได้อาจจะยังดูไม่เป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่ จึงจำเป็นต้องแก้ปัญหานี้ด้วยเทคนิคการ เหลาฐานจมูก ให้มีรูปทรงสวยงาม

หากใครที่เสริมจมูกแล้วรูปทรงของจมูกยังไม่ชัดเจน หรือต้องการแก้ไขรูปทรงจมูก จึงจำเป็นต้องอาศัยเทคนิคนี้เพื่อเป็นตัวช่วย สำหรับใครที่ต้องการศึกษาการทำจมูกเพิ่มเติม วันนี้ทาง Bujeong Clinic ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเหลาฐานจมูกมาไว้ให้คุณแล้วในบทความนี้!

 

เหลาฐานจมูก คืออะไร?

เหลาฐานจมูก คืออะไร?

การ เหลาจมูก คือ วิธีการปรับฐานจมูกที่กางออกมาให้แคบลง โดยการผ่าตัดและเลื่อยกระดูกฐานจมูกด้านในให้เล็กลง และปรับให้เหมาะสมกับสันกระดูกของจมูกด้านนอก นอกจากนี้ยังสามารถปรับให้เหมาะสมกับสัดส่วนของใบหน้าโดยรวมได้อีกด้วย

เมื่อทราบเทคนิคการเหลาฐานจมูกแล้ว อาจจะฟังดูคล้ายกับการตอกฐานจมูก แต่จริงๆ แล้วทั้ง 2 เทคนิคนี้มีความแตกต่างกัน เพราะการตอกฐานจมูกเป็นเทคนิคที่ทำโดยการบีบหรือทุบแกนจมูก เพื่อทำให้กระดูกแยกออกจากฐานแล้วบีบให้ฐานแคบเข้ามา ส่วนการเหลาฐานจมูกจะทำด้วยวิธีการผ่าตัด แล้วเลื่อยกระดูกฐานจมูกด้านในให้เล็กลง แล้วปรับให้เข้ากับรูปหน้า

อย่างที่ทราบกันดีว่าการเหลาจมูกนั้น ทำเพื่อแก้ไขรูปทรงของจมูกให้เข้ากับรูปหน้าก่อนที่จะทำการเสริมด้วยซิลิโคน โดยการแก้ไขจมูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ นั่นก็คือ

  • การแก้ไขภาวะปกติ คือ การแก้ไขโครงสร้างของจมูกที่ผิดปกติตั้งแต่กำเนิด อย่างเช่น ฐานกระดูกจมูกไม่เท่ากัน, จมูกเอียง หรือ มีปุ่มกระดูกนูนกลางจมูก (ฮัมพ์)
  • การแก้ไขภาวะแทรกซ้อน คือ การแก้ไขจมูกในผู้ที่เคยผ่านการเสริมจมูกมาแล้ว และเกิดปัญหาซิลิโคนทะลุ, ซิลิโคนเอียง หรือ เกิดการอักเสบ เป็นต้น

 

การเหลาจมูกช่วยอะไร?

สำหรับใครที่มีปัญหาจมูกใหญ่ ฐานจมูกกว้าง คุณสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้ด้วยการผ่าตัดเลื่อยฐานกระดูก และปรับให้เหมาะสมกับรูปหน้า ถ้าหากต้องการปรับแก้โครงสร้างจมูก จะไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเสริมซิลิโคนเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องอาศัยเทคนิค เหลาฐานจมูก ก่อนทำการเสริมจมูก ซึ่งเทคนิคการปรับแก้รูปทรงจมูกดังกล่าว เหมาะกับจมูกลักษณะใดบ้างตามไปดูกัน!

การ เหลาฐานจมูก เหมาะกับใคร

การ เหลาฐานจมูก เหมาะกับใคร

การศัลยกรรมเหลาฐานจมูก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ไขจมูกที่มีโครงสร้างผิดปกติ โดยลักษณะของจมูกที่ต้องเหลาฐานจมูก มีดังนี้

1. กระดูกฐานจมูกกว้าง เกิดจากกระดูกโครงสร้างของจมูกใหญ่ทั้ง 2 ข้าง สามารถสังเกตตัวเองได้ง่ายๆ ด้วยการใช้นิ้วมือจับบริเวณด้านข้างของสันจมูก ถ้าใครสัมผัสได้ถึงความกว้าง และ แข็งของฐานบริเวณใกล้หัวตา ควรได้รับการแก้ไข สามารถทำได้ด้วยวิธีผ่าตัดเลื่อยฐานจมูก

โดยส่วนใหญ่นิยมผ่าตัดแบบเทคนิคปิด และเทคนิคเปิด เพราะสามารถเปิดแผลขนาดเล็กที่ผิวข้างสันจมูกได้ทันที หากทำร่วมกับการตอกตัดฐานจมูก ยิ่งทำให้รูปทรงของจมูกดูเรียวเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

2. จมูกมีฮัมพ์ “ฮัมพ์” ในที่นี้คือ กระดูกที่นูนออกมาบริเวณสันจมูกทำให้จมูกไม่เรียบ สำหรับคนที่มีฮัมพ์มาก ยิ่งทำให้รูปทรงของจมูกโค้งงอ ส่วนใหญ่จมูกลักษณะนี้จะมีโครงสร้างคดเอียง และมีปลายจมูกงุ้ม ทำให้ใบหน้าดูดุ และดูมีอายุ วิธีแก้ไขสามารถทำได้ด้วยการเหลากระดูกที่นูนออกมา

ในกรณีที่มีฮัมพ์เล็กสามารถปรับแก้ด้วยการ เหลาจมูก เพื่อให้ฐานจมูกดูเรียบขึ้นได้ แต่สำหรับคนที่มีฮัมพ์ขนาดใหญ่ แนะนำว่าควรแก้ไขด้วยการตอกตัดฐานจมูกร่วมด้วย ในระหว่างการผ่าตัดปรับแก้ฐานจมูก เมื่อปรับแต่งกระดูกให้เรียบแล้ว แพทย์จะทำการเหลาซิลิโคนที่ต้องการเสริมให้พอดีกับฐานจมูกใหม่ด้วยเช่นกัน

3. สันจมูกกว้าง ปัญหานี้มักเกิดขึ้นกับคนที่มีฐานจมูกกว้างอยู่แล้ว และคนที่มีฮัมพ์จมูกมาก เมื่อเหลาออกมาแล้วสันจมูกจะดูกว้างขึ้น การที่มีสันจมูกกว้างจะทำให้สันจมูกดูไม่โดดเด่น ในกรณีนี้สามารถผ่าตัดลดกระดูกจมูกให้เล็กลงหรือเหลาฐานจมูก เพื่อปรับโครงสร้างของจมูกให้เข้ากับรูปหน้ามากที่สุด

4. สันจมูกดูต่ำกว่าความสูงของสันจมูกจริง ปัญหาสันจมูกต่ำจะทำให้รูปทรงของจมูกดูแบน เมื่อเสริมซิลิโคนเข้าไปอาจทำให้รูปทรงของจมูกดูใหญ่ขึ้น หากจมูกมีความหนาสามารถใช้วิธีตะไบกระดูกเพื่อช่วยลดความหนา และใช้วิธีผ่าตัดเหลาฐานจมูกร่วมด้วย

ทั้งนี้ผลลัพธ์ของการศัลยกรรมเหลาฐานจมูกนั้น จะช่วยให้ใบหน้าของคุณดูคมชัด และ มีมิติมากขึ้น ที่สำคัญยังทำให้ใบหน้าโดยรวมดูเล็กลง สำหรับใครที่มีปัญหาจมูกใหญ่ หนา ขอบอกเลยว่าเทคนิคนี้จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ดีทีเดียว

เหลาจมูก เจ็บไหม มีผลข้างเคียงอย่างไร?

เหลาจมูก เจ็บไหม มีผลข้างเคียงอย่างไร?

โดยทั่วไปการเหลาฐานจมูกเป็นขั้นตอนที่ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ เพราะมีการใช้ยาชาหรือดมยาสลบขณะผ่าตัด เหมือนกับการศัลยกรรมจมูกทั่วๆ ไป แต่หลังจากยาสลบหมดฤทธิ์จะมีอาการปวดหรือบวมเล็กน้อยหลังผ่าตัด แล้วจะค่อยๆ หายไปเอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การศัลยกรรมเหลาฐานจมูก อาจมีผลข้างเคียงหลังผ่าตัดที่สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนี้

  • เกิดอาการเลือดออกในจมูก
  • มีอาการบวมช้ำมากกว่าการเสริมจมูกทั่วไป เนื่องจากกระดูกบริเวณแกนจมูกเคลื่อนที่

การ เหลาฐานจมูก จะส่งผลให้เกิดอาการบวม ช้ำ โดยเฉพาะบริเวณแผลผ่าตัดจะบวมมากในวันที่ 2 หลังผ่าตัด และประมาณ 1–2 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะค่อยๆ ดีขึ้นตามการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อในร่างกาย และทั้งหมดนี้คือ แนวทางในการปรับแก้ทรงจมูกจากต้นเหตุด้วยเทคนิคเหลาฐาน เพื่อให้รูปทรงดูเรียวเล็ก เข้ารูป ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลา เสียเงิน เพื่อปรับแก้ทรงจมูกหลายรอบ และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าในอนาคต

 

 

ปรับทรงจมูกให้สวย ด้วยเทคนิคเหลาฐานจมูก ที่ Bujeong Clinic

Bujeong Clinic (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ  นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic !

มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี

 

 

 

สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

Facebook : Bujeong Clinic – พูจอง คลินิก

Line : @Bujeong-Clinic

Tel : 088-050-1111

 

สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

Facebook : Bujeong surgery center

Line : @bujeongsurgery

Tel : 061-042-2999