เสริมคางหน้าเปลี่ยนไหม ? ช่วยให้หน้าเรียวจริงหรือไม่!!

ทำคางแล้วหน้าเรียวจริงหรือไม่ อย่าพึ่งทำคางถ้ายังไม่ได้อ่านบทความนี้!! การที่จะทำให้ใบหน้าออกมาสวย และสมดุล นอกจากการเสริมจมูกให้จมูกดูยาว ดูเป็นมิติมากขึ้นแล้ว อีกส่วนหนึ่งที่ต้องทำให้มีความสมดุลกับใบหน้าส่วนอื่นๆ นั่นก็คือ “คาง” นั่นเอง ใบหน้าที่ดีตามกฎสัดส่วนทองคำของใบหน้า คางควรจะมีความยาวที่พอเหมาะ ไม่สั้น ไม่ยาวจนเกินไป แต่ก็มีหลายคนที่กำลังประสบปัญหาคาง เพราะพื้นฐานคนไทยไม่ได้เป็นคนที่มีคางยาว ทำให้หลายๆ คนเจอกับปัญหาคางสั้น คางบุ๋ม หรือมีคางตัด จนทำให้ใบหน้าขาดความสมดุล ถ้าใครที่เสริมจมูกมาแล้วแต่มีคางสั้น ก็อาจทำให้รู้สึกได้ว่าใบหน้ายังขาดอะไรอยู่ ดังนั้นการศัลยกรรมด้วยการเสริมคางจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญ ที่ทำให้หน้าของคุณได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น เสริมคางหน้าเปลี่ยนไหม ทำคางแล้วหน้าจะเรียวขึ้น ยาวขึ้นจริงหรือเปล่า

ใครที่กำลังมีปัญหาเรื่องคางแล้วมีแพลนจะทำคาง เพื่อปรับรูปทรงของใบหน้า Bujeong Clinic จะมาไขข้อสงสัยเรื่องการทำคางให้เข้ากับใบหน้า ใครจะทำคางไม่ควรพลาดบทความนี้!!

เสริมคางหน้าเปลี่ยนไหม แล้วทำไมถึงเปลี่ยน ?

จากบทความก่อนหน้านี้ ที่เราแนะนำให้คุณเลือกทรงจมูกที่เข้ากับใบหน้าของคุณ โดยใช้การคำนวณสัดส่วนของใบหน้าแบบ Golden Ratio หรือที่มักเรียกว่าสัดส่วนทองคำของใบหน้า ซึ่งเป็นสัดส่วนที่จะทำให้ส่วนต่างๆ ของใบหน้าทั้งตา จมูก และคาง มีความสมดุลกัน

แต่นอกจากสัดส่วนของจมูกแล้ว สัดส่วนของคางก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยส่วนของคางจะเรียกว่า Lower Face เป็นการวัดสัดส่วนจากบริเวณปลายจมูกมาจนถึงปลายคาง จะต้องมีความยาวพอๆ กับส่วนบน และส่วนกลางของใบหน้าตามสัดส่วน 1 : 1 : 1 (0.8 – 0.9) โดยส่วนของคางอาจจะสั้นกว่าส่วนอื่นเล็กน้อยได้ ยิ่งคางยาวตามสัดส่วนมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ใบหน้าดูเรียวมากยิ่งขึ้น เพราะคางเป็นส่วนที่จะช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวได้ ยิ่งคางเป็นทรงวี ยิ่งทำให้ใบหน้าดูยาว

ซึ่งแตกต่างจากคนที่คางสั้น เมื่อเทียบกับคนที่คางยาวกว่า จะเห็นได้ชัดเลยว่าหน้าจะไม่เรียวเท่าทั้งๆ ที่สัดส่วนอื่นๆ ก็มีขนาดพอดีกัน ยิ่งหากเป็นคนที่มีคางสั้น คางตัด หรือคางบุ๋มด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ใบหน้ายิ่งดูสั้น ดังนั้นหากเสริมคางก็จะช่วยทำให้ใบหน้าเปลี่ยนมาเป็นยาว และเรียวขึ้นนั่นเอง

คางลักษณะแบบไหน ที่ควรจะเสริมคาง ?

ปัญหาของคางไม่ได้มีแค่ปัญหาคางสั้นเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาเรื่องอื่นๆ ด้วย ซึ่งคางแต่ละรูปแบบก็ทำให้เกิดปัญหาที่แตกต่างกัน และการเสริมคางเพื่อปรับโครงใบหน้า ของคางแต่ละแบบก็แตกต่างกันออกไป ซึ่งคางที่ควรจะเสริมมักจะมีลักษณะดังต่อไปนี้

คางสั้น คางรูปแบบนี้สามารถพบได้ง่ายในคนไทย ปัญหาคางสั้นมักจะเกิดจากพันธุกรรม และโครงสร้างของใบหน้า ที่ทำให้คางดูสั้นกว่าส่วนอื่นๆ และคางที่สั้นมักจะทำให้หน้าดูกลม ไม่มีมิติ อีกทั้งยังทำให้หน้าดูอ้วนได้ง่ายอีกด้วย (คนที่หน้าอ้วนส่วนใหญ่มักจะมีคางสั้น)
คางตัด เป็นอีกหนึ่งปัญหาคางที่มักจะพบได้ง่าย มักจะเกิดจากการที่กระดูกบริเวณคาง หรือกล้ามเนื้อผิดปกติ รวมถึงอาจจะมาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมก็ได้ คางลักษณะนี้บริเวณปลายคางมักจะมีรูปทรงตัดเป็นแนวราบ จนเห็นเป็นรูปทรงเหลี่ยมอย่างชัดเจน ไม่ได้เป็นทรงโค้งเหมือนคางปกติ และคางมักจะสั้น คางลักษณะนี้จะทำให้หน้าดูดุ ดูไม่หวาน หากผู้หญิงมีคางลักษณะนี้จะทำให้หน้าดูแมนเหมือนผู้ชาย
คางบุ๋ม ปัญหาคางแบบนี้สามารถพบได้มากในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง มักจะเกิดจากโครงสร้างของกระดูก หรือกล้ามเนื้อที่ผิดปกติ คางลักษณะนี้จะเห็นรอยบุ๋มยุบตัวเข้าไปด้านใน จนทำให้เห็นเป็นร่องตรงกลางคางอย่างชัดเจน คางแบบนี้จะทำให้ใบหน้าดูไม่สมดุล ดูแมน อีกทั้งยังทำให้สามารถสังเกตได้ง่าย จนทำให้คนที่มีคางลักษณะนี้อาจจะเสียความมั่นใจไปได้
คางถอย เป็นคางที่จะมีลักษณะถอยเข้าไปในใบหน้า และจะไม่ยื่นออกมาเหมือนคางปกติ (จะสามารถสังเกตได้ง่าย ถ้ามองจากด้านข้าง) จึงทำให้คางผิดรูปไป คางลักษณะนี้อาจจะส่งผลทำให้ทรงปากผิดปกติ และทำให้ฟันยื่นออกมาได้ง่าย เนื่องจากกระดูกของคางที่เข้าไปด้านในนั่นเอง คนที่มีคางลักษณะนี้จะทำให้ใบหน้าขาดความสมดุล อีกทั้งยังอาจส่งผลต่อการทานอาหาร หรือการใช้ชีวิตอีกด้วย
คางยื่น คางรูปแบบนี้เป็นอีกหนึ่งปัญหาคาง ที่ทำให้คางผิดรูปไปจากเดิม เนื่องจากปลายคางจะยื่นออกมามากกว่าปกติ เลยทำให้เมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นว่าคางยื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด ปัญหาคางยื่นเกิดจากการที่กระดูกคาง หรือขากรรไกรยื่นออกไปเยอะเกิน นั่นทำให้ส่งผลต่อการเคี้ยว และทานอาหารเช่นเดียวกับปัญหาคางถอย

ประเภทของซิลิโคนเสริมคาง

หากคุณเป็นคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับคาง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาคางสั้น คางบุ๋ม หรือคางแบบไหนๆ วิธีแก้ที่จะช่วยทำให้คางของคุณกลับมาดูดี และช่วยทำให้ใบหน้าเรียวขึ้น สมดุลมากขึ้น นั่นก็คือการเสริมคางด้วยซิลิโคนนั่นเอง

ซึ่งจะไม่เหมือนกับซิลิโคนเสริมจมูก หรือเสริมหน้าอก โดยซิลิโคนเสริมคางจะมีด้วยกัน 2 รูปแบบหลักๆ นั่นก็คือ ซิลิโคนขาสั้น และซิลิโคนขายาว ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป

ซิลิโคนขาสั้น

ซิลิโคนขาสั้น หรือซิลิโคนไม่มีขา เป็นซิลิโคนที่จะเน้นการตกแต่งเฉพาะบริเวณปลายคาง ซึ่งจะมีลักษณะเล็กแต่ค่อนข้างหนา ทำให้ดูไม่มีขาเหมือนกับซิลิโคนขายาว เนื้อซิลิโคนจะค่อนข้างนิ่ม

ซิลิโคนรูปแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหาโครงสร้าง หรือกล้ามเนื้อคางมากนัก เพราะเป็นการเสริมปลายคางเพื่อทำให้ใบหน้าดูยาวมากขึ้นเท่านั้น

ใช้ในการเสริมบริเวณปลายคางเท่านั้น เป็นการเติมปลายคางให้คางดูเรียวมากยิ่งขึ้น
เป็นซิลิโคนที่มีขนาดเล็ก เลยทำให้ไม่สามารถปรับโครงสร้างใบหน้าได้มากนัก และมีข้อจำกัดในการใช้งาน แต่ก็ทำให้สามารถเสริมให้เข้ากับรูปทรงของกระดูกได้ง่าย
เป็นซิลิโคนที่เหมาะสำหรับคนที่มีคางอยู่แล้ว และอยากจะเพิ่มความยาวของคางให้มากขึ้น

ซิลิโคนขายาว

เป็นซิลิโคนที่จะมีลักษณะขาว และโค้ง ทำให้เมื่อใช้เสริมคางจะทำให้สามารถปรับรูปคางได้จนถึงแนวรอยต่อของกราม และกรอบหน้า เนื้อซิลิโคนจะแข็งกว่าแบบสั้น แต่ก็ทำให้เป็นทรงได้มากกว่า สามารถช่วยในการแก้ปัญหาคางได้หลายแบบ

อีกทั้งยังช่วยในการปรับโครงสร้างของใบหน้า ช่วยในการเก็บแก้ม ด้วยลักษณะของซิลิโคนที่ยาว ทำให้เมื่อเสริมจะเนียนไปกับผิวจนดูเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะกับคนที่มีปัญหาคางตัด แต่การเสริมด้วยซิลิโคนรูปแบบนี้จะใช้เวลาในการปรับแต่งทรงนาน จึงต้องใช้เวลา และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เป็นซิลิโคนที่ค่อนข้างเป็นทรง เลยทำให้เมื่อเสริมออกมาแล้วคางจะดูไม่ย้อย และเป็นก้อน
ซิลิโคนค่อนข้างจะเนียนไปกับใบหน้า ทำให้ไม่เห็นรอยต่อของคางมากนัก เหมือนกับการเสริมด้วยซิลิโคนขาสั้น
นอกจากนั้นซิลิโคนรูปแบบนี้ ยังช่วยปรับโครงสร้างหน้าให้ดูเรียวยาวขึ้นอีกด้วย และก็ยังช่วยในการยึดฐานกระดูก ซึ่งจะทำให้โอกาสที่ซิลิโคนจะเบี้ยว หรือเอียงน้อยลงอีกด้วย

นอกจากนั้นแล้วในปัจจุบันก็ยังมีซิลิโคนคางอีกชนิดนั่นก็คือ ซิลิโคนขนาดกลาง ซึ่งเป็นซิลิโคนที่จะอยู่กึ่งกลางระหว่างซิลิโคนขาสั้น และซิลิโคนขายาว เนื้อซิลิโคนจะนิ่ม แต่ก็มีความยืดหยุ่นสูง เป็นซิลิโคนที่ช่วยในการเพิ่มความยาวให้กับคาง และทำให้มีความเป็นธรรมชาติ ดูมีมิติที่ได้มากกว่าซิลิโคนแบบขาสั้น

ทรงของซิลิโคนเสริมคาง

นอกจากรูปแบบของซิลิโคนแล้ว ทรงของซิลิโคนเองก็สามารถเลือกได้ถึง 2 ทรง ซึ่งเกิดจากการเหล่าซิลิโคนให้เป็นทรงที่ต้องการ โดยปกติแล้วทรงของซิลิโคนจะมีดังต่อไปนี้

ทรงมน สำหรับใครที่ไม่อยากให้หน้าดูเรียวจนเกินไปควรจะเลือกทรงนี้ เพราะเป็นทรงที่ทำให้หน้าดูหวานขึ้น ดูเป็นธรรมชาติ เพราะคางที่ได้จะไม่แหลมจนเกินไป เป็นทรงที่ทำให้เราดูเป็นคนตัวเล็กตัวน้อย ดูน่าทะนุถนอม
ทรงวี เป็นทรงคางยอดฮิตที่ช่วยปรับให้ใบหน้าดูเรียวยาว สามารถเหลาให้คางวีตามที่ต้องการได้ เป็นทรงที่จะทำให้ใบหน้าดูเล็ก ดูมีมิติ ดูสวยขึ้น เพราะคางจะชัดจึงทำให้ใบหน้าได้สัดส่วนมากขึ้น แต่ต้องระวังไม่เลือกทรงที่วีเกินไป เพราะอาจทำให้หน้าดูแหลมเป็นแม่มดได้

ก่อนจะทำคางต้องปรึกษาแพทย์ก่อน

นอกจากปัญหาเรื่องคางแล้ว อาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องอื่นๆ ที่จะตามมาจากการที่คางผิดรูปได้ โดยเฉพาะคนที่มีคางถอย หรือคางยื่น ที่จะส่งผลต่อกล้ามเนื้อ และส่วนอื่นๆ จนทำให้ใช้ชีวิตประจำวันได้ลำบาก ทั้งการทานอาหาร และการใช้ชีวิตอื่นๆ เพราะอาจจะต้องมีการผ่าตัดส่วนอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การผ่าตัดขากรรไกรที่ผิดรูป ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่จะเสริมคางเพื่อปรับรูปหน้า ควรที่จะเข้ามาปรึกษากับแพทย์ก่อน เพื่อดูว่าจะปรับรูปหน้าอย่างไร รวมถึงการเลือกซิลิโคน และเทคนิคที่เหมาะสมกับคุณอีกด้วย

การเสริมคางสามารถช่วยแก้ปัญหาคางสั้น คางบุ๋ม และคางแบบอื่นๆ ได้ก็จริง แต่การเสริมคางไม่ใช่แค่การทำให้คางออกมาสวย หรือทำให้หน้าเรียวยาวมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการปรับโครงสร้างของคาง และใบหน้าอีกด้วย นอกจากนั้นยังเป็นการช่วยรักษาปัญหาที่เกิดจากคางที่ผิดรูปไป เพื่อทำให้คุณมีความมั่นใจ และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ อย่าปล่อยให้ปัญหาเรื่องคางมาทำให้คุณหมดความมั่นใจ เพราะ Bujeong Clinic เป็นคลินิกที่รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทย และ เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องคาง และพร้อมเนรมิตคางสวยๆ ให้กับคุณ เสริมคางให้สวย และปลอดภัยเลือกทำที่พูจองเลย!!!

เสริมคางหน้าเปลี่ยนไหม เสริมได้ที่ Bujeong Clinic !!!

Bujeong Clinic (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic สิคะ!!!